วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

สมุนไพร ยาสามัญ

http://www.youtube.com/watch?v=AriP7i2C22M http://www.youtube.com/watch?v=aS98lGH6dZc http://www.youtube.com/watch?v=5wvn99eOIEg http://www.youtube.com/watch?v=vA01_47GMp4 http://www.youtube.com/watch?v=oz7jMLBmlCo

น้ำดื่มสมุนไพรคลายร้อน

http://www.youtube.com/watch?v=eggdKE4xgYo

เเนะนำสมุนไพรไทย

http://www.youtube.com/watch?v=TaNHfRrqFfs

สมุนไพร บอระเพ็ด!


สมุนไพร บอระเพ็ดเมื่อพูดถึงคำว่า "หวานเป็นลม ขมเป็นยา" คุณมักจะต้องคิดถึงอะไรค่ะ ฮันแน่! .. ของมันแน่ต้องคิดถึงสมุนไพร บอระเพ็ดกันใช่ไหมล่ะ...อิอิอิ ใครที่เคยลองลิ้มชิมรส บอระเพ็ด กันแล้วคงจะต้องนึกถึงรสชาติขม ๆ ของมันเป็นแน่ แต่ก็เอาเถอะก็อย่างที่บอกนั้นแหละ ขมเป็นยา...อิอิอิ มาดูกันดีกว่าค่ะว่าเป็นยาอย่างไรกับ สรรพคุณ และ ประโยชน์ของบอระเพ็ด สรรพคุณ / ประโยชน์ บอระเพ็ด เกร็ดความรู้บอระเพ็ดเป็นไม้เลื้อยที่พบโดยทั่วไปตามป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณและสามารถปลูกได้ง่าย แม้แต่ตัดเถาไปห้อยตามต้นไม้ก็ยังงอกรากลงดินได้ คนไทยทุกภาคเชื่อว่าบอระเพ็ดเป็นยาบำรุงสุขภาพเป็นยาอายุวัฒนะบำรุงกำลังช่วยขับน้ำย่อยทำให้เจริญอาหาร คนโบราณหาทางกินบอระเพ็ดได้หลายวิธี เช่น ใช้ดองน้ำผึ้งกินเป็นประจำเป็นยาอายุวัฒนะกินแล้วร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย ผู้ป่วยเบาหวานพบว่าการกินร่วมกับยาแผนปัจจุบันสามารถควบคุมปริมาณน้ำตาลได้ดีมาก (แต่ไม่ได้งดยาแผนปัจจุบัน) บางคนผมร่วงกินผงบอระเพ็ดวันละ 400 ถึง 800 มิลลิกรัม(1 ถึง 2แคปซูล) สัก 1 เดือนผมมีแนวโน้มที่จะดกหนาตามปกติ บางคนที่ผมหงอกก่อนวัยกินแล้วพบว่าผมหงอกน้อยลงสรรพคุณบอระเพ็ดที่ชาวบ้านใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ การตำบอระเพ็ดทั้งใบและต้นคั้นน้ำผสมน้ำซาวข้าวชโลมผมทิ้งไว้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเส้นผมและหนังศรีษะ แก้ผมหงอกก่อนวัย แก้รังแค รายงานการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า บอระเพ็ดมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งการมีฤทธิ์เช่นนี้ก็สามารถ ป้องกันความชราของเซลล์ต่าง ๆ จึงเป็นไปได้ที่บอระเพ็ดจะมีประโยชน์ต่อเส้นผมอย่างที่โบราณเขาเชื่อกันจริง ๆ ผลงานการวิจัย1.ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดพบว่าสารสกัดจากลำต้นบอระเพ็ดด้วย 95% เอธานอล มีฤทธิ์ทำให้ oral glucose tolerance (OGT) ของหนูขาวปกติดีขึ้นเมื่อเปรียบกับกลุ่มควบคุมโดยระดับน้ำตาลจะลดลง 12.15% และ 12.84% หลังจากป้อนสารสกัดให้กับหนูขาว 4 และ 6 ชั่วโมงตามลำดับ อย่างไรก็ตามสารสกัดดังกล่าวไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูขาวปกติในทุก ๆ ความเข้มข้นที่ใช้ทดลอง (กัลยาและคณะ,2541) สารสกัดจากชั้นน้ำของลำต้นบอระเพ็ดสามารถลดระดับกลูโคสในเลือดและเพิ่มระดับ insulin ในเลือดในหนูที่เป็นเบาหวานได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมแต่ไม่มีผลในหนูปกติ(Noorandcroft,1989) กลไกในการออกฤทธิ์ของสารสกัดจากบอระเพ็ดพบว่าออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นการหลั่ง insulin ที่เบตาเซลล์ทำให้เบตาเซลล์มีความไวต่อความเข้มข้นของ Ca2+ ภายนอกเซลล์ส่งเสริมให้เกิดการสะสมของ Ca2+ใน เซลล์และทำให้เกิดการหลั่งของ insulin โดยไม่รบกวนการดูดซึมของกลูโคสจากทางเดินอาหารและไม่รบกวนการนำกลูโคสเข้า peripheral cell2.ฤทธิ์ลดไข้มีรายงานการศึกษาฤทธิ์ลดไข้ของสารสกัดจากชั้นน้ำของลำต้นบอระเพ็ดในหนูขาวเพศผู้ที่ถูชักนำให้เกิดไข้ด้วยวัคซีนไทฟอยด์ขนาด 0.6ml./ตัวพบว่าสารสกัดบอระเพ็ดขนาด 300,200,100 mg./kg. น้ำหนักตัวสามารถลดไข้ได้หลังป้อนสารสกัดบอระเพ็ดในชั่วโมงที่1,2 และตามลำดับแต่มีประสิทธิภาพอ่อนกว่า แอสไพริน (บุญเทียมและคณะ,1994)3.ฤทธิ์ช่วยเจริญอาหารเนื่องจากความขมของบอระเพ็ดจึงสามารถใช้เป็นยาที่ทำให้เจริญอาหารได้ (รุ่งระวีและคณะ,2529)4.ฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระมีรายงานการศึกษาฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของบอระเพ็ดพบว่าสารสกัด 3 ชนิด ได้แก่ N-trans-feruloyltyramine, N-cisferuloyltyramine, secoisolariciresinol มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่า BHT ซึ่งใช้เป็นสารมาตรฐาน (Cavin et al.,1997)5.ฤทธิ์ ในการต้านมาลาเรียมีรายงานการ ศึกษาฤทธิ์ในการต้านมาลาเรียของสารสกัดในชั้นเมธานอลและคลอโรฟอร์มพบว่าไม่มีฤทธิ์ในการต้านมาลาเรีย (Rahman etal.,1999)6.ฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียมีการศึกษาฤทธิ์ในการต้านแบคทีเรียของสารสกัดจากใบและลำต้นในชั้นเอธานอลของบอระเพ็ดต่อเชื้อ Staphylococcus aureus beta-Streptococcus gr.A Klebsiella pneumoniae และ Pseudomonas aeruginosa พบว่าสารสกัดจากชั้นเอธานอลของลำต้นบอระเพ็ดมีฤทธิ์ในการต้าน betastreptococcus gr.A (Laorpaksa et al., 1988) พิษวิทยา การทดสอบความเป็นพิษ(Chavalittumrong,1997)- การทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันจากการศึกษาพิษเฉียบพลันของสารสกัดด้วยเอธานอลของลำต้นบอระเพ็ด โดยให้ทางปากแก่หนูถีบจักรพบว่าเมื่อให้สารสกัดในขนาด 4g ต่อน้ำหนักหนู 1 kg. (g./kg.) หรือเทียบเท่ากับลำต้นแห้ง 28.95 g./kg. ไม่ทำให้เกิดอาการพิษ-การทดสอบความเป็นพิษเรื้อรัง จากการศึกษาพิษเรื้อรังของสารสกัดด้วยเอธานอลโดยการกรอกสารสกัดของบอระเพ็ดขนาดต่าง ๆ แก่หนูขาว ติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน พบว่า สารสกัดในขนาด 0.02 g/น้ำหนักหนู 1 kg./day (g./kg./day) ซึ่งเทียบเท่ากับขนาดที่ใช้ในคนไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตหรือการกินอาหารของหนู และไม่ทำให้เกิดความผิดปกติของค่าทางโลหิตวิทยาหรือค่าทางชีวเคมีของซีรั่ม รวมทั้งไม่ทำให้เกิดพยาธิสภาพของอวัยวะภายในต่าง ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมแต่หนูที่ได้รับสารสกัดในขนาด1.28 g./kg./day หรือ 64 เท่าของขนาดที่ใช้ในคนมีอัตราการเกิด bile duct proliferationและ focal liver cell hyperplasia รวมทั้งมีค่าของเอนไซม์ alkaline hosphatase และ alanine aminotransferase และ ค่าครีอะตินินสูงกว่ากลุ่มควบคุมแสดงให้เห็นว่าสารสกัดบอระเพ็ดในขนาดต่ำ เช่น ขนาดที่ใช้ในคนไม่ทำให้เกิดความผิดปกติใด ๆ ในสัตว์ทดลองแต่ในขนาดที่สูงอาจทำให้เกิดความผิดปกติของการทำงานของตับและไตได้วิธีการใช้ตามภูมิปัญญาไทย1.ใช้เถาบอระเพ็ดหั่นตากแห้ง แล้วบดเป็นผงผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกกลอนกินก่อนนอน วันละ 2-4 เม็ด ใช้เป็นยาอายุวัฒนะใช้เถาสดดองเหล้าความแรง 1 ใน 10 รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชาของยาที่เตรียม2.กินบอระเพ็ดสดวันละ 2 องคุลีทุกวัน เป็นยาขมช่วยให้เจริญอาหาร และป้องกันไข้มาเลเรีย3.เป็นยาขมแก้ไข้ นำเถาบอระเพ็ดมาตากแห้งบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนกินวันละ 3 เวลาก่อนอาหารถ้าบรรจุแคปซูล กินวันละ 2-3 เวลา หรือใช้เถาสดยาว 2-3 คืบ (30-40 กรัม) ใส่น้ำท่วมยานำไปต้มแล้วดื่มหรือต้มเคี่ยวกับน้ำ 3 ส่วน ต้มจนเหลือ 1 ส่วน ดื่มก่อนอาหาร วันละ 2-3 ครั้งเมื่อมีไข้ (ยุวดี จอมพิทักษ์, 2532)4.ใช้เถาหรือต้นสดครั้งละ 2 คืบครึ่ง (30-40 กรัม) ตำแล้วคั้นเอาน้ำดื่ม หรือต้มกับน้ำโดยใช้น้ำ 3 ส่วน ต้มเคี่ยวให้เหลือ 1 ส่วน ดื่มก่อนเวลาช่วยลดไข้5.ใช้รากและเถา ตำผสมมะขามเปียกและเกลือหรือดองเหล้ารับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา แก้ไขลดความร้อน (ยุวดี จอมพิทักษ์, 2532)6.ใช้เถาที่โตเต็มที่ตากแห้งแล้วบดเป็นผงใช้ผงครั้งละ 1 ช้อนชา ชงน้ำร้อนดื่ม วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น หรือใส่ในแคปซูลเพื่อให้สะดวกในการใช้ ใช้รักษาโรคเบาหวาน

ประโยชน์ของถั่วเขียว!


สรรพคุณ และ ประโยชน์ของถั่วเขียวถั่วเขียว หลาย ๆ คนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี คนไทยส่วนใหญ่มักนำมา ถั่วเขียว มาต้มกับน้ำตาลรับประทานเป็นขนมหวาน นอกจากจะมีความอร่อยแล้วประโยชน์ของถั่วเขียวยังมีมากมายกว่าที่เราคิดอีกทั้ง ถั่วเขียวยังไมีคุณสมบัติเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยรักษาโรคอื่น ๆ ได้อีกด้วย สรรถคุณของถั่วเขียวนั้นก็มีมากมายฉะนั้นหันมารับประทานถั่วเขียวกันเถอะ แต่ถ้าอยากรู้ว่า ประโยชน์ของถั่วเขียว นั้นมีอะไรบ้างเราก็มาดูกันเลยค่ะ สรรพคุณ / ประโยชน์ของถั่วเขียว- เมล็ด นำมาต้มแล้วกินเป็นยาขับปัสสาวะ สำหรับคนที่เป็นโรคเหน็บชา ส่วนถั่วเขียวที่ดิบหรือที่ต้มสุกแล้วใช้ตำพอกเป็นยารักษาภายนอกช่วยบ่มหนองให้ฝีสุก และยังใช้ในโรคอื่น ๆ ได้เช่น การคลอดลูกยาก โรคท้องมาน และท้องร่วง- อื่น ๆ ถั่วเขียวเป็นพรรณไม้ที่ให้ประโยชน์มากทั้งทางด้านอาหารและในด้านที่ใช้เป็นยา ถั่วเขียวนี้เมื่อนำมาเพาะเป็นถั่วงอกจะให้วิตามินเอ บี และซีสูงมาก สำหรับในด้านที่ใช้เป็นยานั้นถึงแม้จะพบว่าใช้ได้ผลในการรักษาโรคต่าง ๆ นั้น แต่ก็ไม่มีผลการทดลองที่ยืนยันว่ารักษาได้ผลที่แน่นอน

สมุนไพร ใบเตยใบเตย หรืออีกหนึ่ง สมุนไพรใบเตย ที่คนไทยรู้จักกันดีเพราะนอกจากเราจะใช้ ใบเตย ในการประกอบอาหารหลาย ๆ อย่าง อีกทั้ง ยังให้กลิ่งหอมและทีสำคัญที่สุด สรรพคุณของใบเตย ยังมีอีกมายมายนักคุณอาจจะคิดไม่ถึง นั้นเรามามาดูสรรพคุณและ ประโยชน์ของใบเตย กันเลยดีกว่าค่ะ

สรรพคุณ / ประโยชน์ ใบเตย ผลงานการวิจัยการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่า เตยหอมมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ขับปัสสาวะ ซึ่งฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่กล่าวไปทั้งหมดนั้น ซึ่งมาจากการทดลองในห้องทดลอง นอกจากนี้ได้มีการทำศึกษาวิจัย โดยนำน้ำต้มรากเตยหอมไปทดลองในสัตว์ทด ลองเพื่อดูฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดปรากฏว่าสามารถลดน้ำตาลในเลือดของสัตว์ทดลองได้ จึงนับได้ว่าสมุนไพรเตยหอมเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าอีกชนิดหนึ่งสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มรับประทานเองได้

วิธีใช้ตามภูมิปัญญาไทยใช้ใบเตยสดเป็นยาบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่นช่วยลดอาการกระหายน้ำ รากใช้เป็นยาขับปัสสาวะใช้รักษาเบาหวานประโยชน์ทางยาเตยหอมมีรสเย็นหอมหวาน บำรุงหัวใจให้ชุ่มชื้น โดยมากนิยมใช้น้ำใบเตยผสมอาหารคนไข้ทำให้เกิดกำลัง ลำต้นและรากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้น้ำเบาพิการ และรักษาโรคเบาหวาน ใบช่วยบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่นลดกระหายน้ำและอาจใช้ใบตำพอกรักษาโรคหัด โรคผิวหนัง วิธีใช้1.ใช้ใบสดตำคั้นเอาน้ำจะได้น้ำสีเขียวใช้นำมาผสมอาหารจะช่วยให้อาหารมีสีสวยน่ารับประทานและมีกลิ่นหอมของใบเตย2.ใช้ในในรูปของใบชาชงกับน้ำร้อนหรือใช้ใบสดต้มกับน้ำจนเดือดเติมน้ำตาลเล็กน้อยก็ได้ดื่มเป็นประจำช่วยบำรุงหัวใจ3.นำส่วนต้นและรากต้มกับเนื้อหรือใบไม้สักจะช่วยรักษาโรคเบาหวาน

ประโยชน์ของฟักทอง!


ประโยชน์ของฟักทอง สรรพคุณทางยาเพื่อสุขภาพฟักทองถือเป็นพืชในตระกูลมะระชนิดไม้เถาขนาดใหญ่ ผิวผลขณะยังอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะแล้วจะมีสีเขียวสลับเหลือง ผิวไม่เรียบขรุขระเปลือกมีลักษณะแข็ง เนื้อในสีเหลืองมีเส้นใยอยู่ภายในเป็นสีเหลืองนิ่มพร้อมกับเมล็ดสีขาวแบน ๆ ติดอยู่ ประโยชน์ของฟักทองนั้นมีมากมายสามารถนำมาใช้กินบำรุงร่างกายและรักษาโรคได้ดี ประโยชน์ของฟักทอง สรรพคุณทางยาของฟักทอง - เมล็ดสามารถขับพยาธิตัวตืด ขับปัสสาวะ และบำรุงร่างกายได้ดี- ราก บำรุงร่างกาย แก้ไอ ถ่อนพิษของฝิ่นได้- น้ำมันจากเมล็ดบำรุงประสาทได้ดี- เยื่อกลางผลสามารถนำมาพอกแก้อาการฟกช้ำ ปวด อักเสบ ประโยชน์ของฟักทองทางโภชนาการ - เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูงมาก มีฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง สารสีเหลืองและโปรตีน- ใบอ่อน มีวิตามินเอสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในเนื้อ- ดอก มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีวิตามินซีเล็กน้อย- เมล็ด มีน้ำมัน แป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน เกล็ดเล็กเกล็ดน้อยประโยชน์ของเมล็ดฟักทอง ในเมล็ดฟักทองมีสารชื่อ คิวเคอร์บิติน (cucurbitine) ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าพยาธิตัวตืดได้ดี วิธีใช้ให้เตรียมเมล็ดฟักทองประมาณ 60 กรัม ทุบให้แตกละเอียดนำมาผสมกับน้ำตาล นม และน้ำเติมลงไปจนได้ประมาณ 500 มิลลิลิตร แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง ห่างกันทุก 2 ชั่วโมงจะฆ่าพยาธิตัวตืดได้ หลังจากนั้นให้ยาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง ควรรับประทานยาระบายน้ำมันละหุ่ง 2 ช้อนโต๊ะช่วยในการขับถ่าย

สรรพคุณเเละประโยชน์ของน้ำผลไม้!


สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้เรื่องของอาหารสุขภาพรวมถึงน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพนั้นสมัยนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากค่ะ เราเลยได้โอกาสนำประโยชน์ของน้ำผักผลไม้และสรรพคุณของน้ำผักผลไม้มาฝากกันอีกด้วยค่ะ เพื่อให้คุณผู้หญิงหรือใครก็ตามที่ชอบรักษาสุขภาพได้ลองเลือกน้ำผักผลไม้ได้อย่างตรงตามเป้าหมายในสุขภาพของคุณค่ะ เพราะใน ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้ นั้นมีมากมายทีเดียวและวันนี้เราก็นำ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้ รวมถึง สรรพคุณของน้ำผักผลไม้ แต่ละชนิดมาฝากกันอีกด้วยค่ะ ใครอยากรู้ก็มาดูประโยชน์ของน้ำผักผลไม้และสรรพคุณของน้ำผักผลไม้กันได้เลยค่ะ สรรพคุณ / ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้น้ำขจัดสารพิษหากขาดน้ำร่างก่ายก็ไม่สามารถอยู่ได้เพราะน้ำจะช่วยลำเลียงสารอาหารไปยังเซลล์ต่าง ๆ ช่วยขจัดสารพิษปรับระดับอุณหภูมิให้ร่างกายดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้ได้วันละประมาณ 1.5 ลิตร - ชาป้องกันโรคฟันผุ ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ ไม่มีแคลอรี ในชาเขียวและชาดำมีฟูลออไรด์เป็นจำนวนมากที่จะช่วยทำให้ฟันแข็งแรงและยับยั้งฟันผุ เพื่อให้ได้ผลควรดื่มชาร้อนหรือชาอุ่น ๆ และไม่ควรดื่มชาที่เหลือค้างคืน - โยเกิร์ตช่วยขจัดสารพิษ และโยเกิร์ตมีแร่ธาตุ เช่น แคลเซียมและโพแทสเซียม ซึ่งมีความสำคัญสำหรับน้ำในร่างกาย นอกจากนี้โยเกิร์ตยังมีประโยชน์สำหรับดวงตาและผิวกรดนมในโยเกิร์ตช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายและให้ประโยชน์กับแบคทีเรียในลำไส้ - นมช่วยให้กระดูกแข็งแรง และในนมมีโปรตีนสูงซึ่งง่ายต่อการย่อยและมีแคลเซียมสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในวัยชราและกรดไขมันในนมจะช่วยให้เส้นเลือดยืดหยุ่น - น้ำแอปเปิ้ลป้องกันมะเร็ง น้ำแอปเปิ้ลสด ๆ มีคุณค่ามากที่สุดช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนพลังและป้องกันมะเร็งช่วยให้มีสมาธิ สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ต้องเป็นแอปเปิ้ลที่ไม่ผ่านการแว็กซ์ หากไม่แน่ใจก็ปอกเปลือกแอปเปิ้ลทิ้งแม้ว่าเปลือกของมันจะมีประโยชน์ก็ตาม - น้ำลูกแพร์ป้องกันความเครียด มีกรดโฟลิกสูงซึ่งจะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขช่วยให้มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส - น้ำผักป้องกันโรคอ้วนเหมาะสำหรับเด็กเป็นอย่างยิ่งเพราะมีน้ำตาลต่ำกว่าน้ำผลไม้และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ควรดื่มน้ำผักสดที่ปั่นเเองและไม่เติมน้ำตาลที่สำคัญคือควรเป็นผักปลอดสารพิษ - น้ำแครอทบำรุงสายตาและป้องกันมะเร็งเพื่อให้การดูดซึมวิตามินเอจากแครอทได้ดีขึ้นควรรับประทานอาหารที่มีไขมันตามไปด้วย แต่ก็ไม่ควรดื่มน้ำแครอทมากเกินไปเพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพเนื่องจากวิตามินเอจะถูกกักเก็บไว้ในตับ - น้ำมะเขือเทศป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากและช่วยให้ผิวอ่อนวัย ถ้าอยากดื่มน้ำมะเขือเทศให้อร่อยควรเติมพริกไทยและเกลือลงไปด้วย ในมะเขือเทศมีสารไลโคปีนซึ่งจะช่วยป้องกันมะเร็งและป้องกันไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัย หากเป็นมะเขือเทศทีผ่านการทำให้สุกด้วยความร้อนก็จะยิ่งมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศดิบ ที่สำคัญคือไม่ควรดื่มน้ำมะเขือเทศที่เย็นจัด

สรรพคุณเเละประโยชน์น้ำมะพร้าวอ่อน!


สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อนประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อนนั้นมีมากมายจริง ๆ เลยค่ะ ใครชอบดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนเนี่ยอาจะได้เปรียบจริง ๆ เลยนะ เพราะคุณรู้หรือไม่ว่าใน สรรพคุณของน้ำมะพร้าวอ่อน นั้นช่วยชะลอโรคอัลไซเมอร์ได้ ฉะนั้นแล้วใครชอบดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนก็เฮกันได้เลยนะเนี่ยว่าคุณจะไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ก่อนใคร ฉะนั้นเมื่อเรารู้ถึง สรรพคุณของน้ำมะพร้าว ที่มากมายขนาดนี้ก็หันมาดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนกันบ้างนะค่ะ และใน ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อน ก็ยังช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณให้แลดูสวยเปล่งปลั่งอีกด้วยนะค่ะ นั้นเรามาดู ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อน และ สรรพคุณของน้ำมะพร้าวอ่อน กันเลยค่ะ สรรพคุณ / ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อนงานวิจัยชั้นเยี่ยมจากดร.นิซาอูดะห์ ระเด่นอาหมัด มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า น้ำมะพร้าวอ่อนช่วยชะลอเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้เนื่องจากมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง ข้อสรุปนี้ได้จากการทดลองกับหนูขาวเพศเมีย 2 กลุ่ม ที่ตัดรังไข่ออกเพื่อเป็นตัวแทนสตรีวัยทองเพราะเชื่อกันว่า ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนและปัจจัยด้านอายุที่ผู้หญิงมักมีอายุยืนกว่าผู้ชาย (จึงมีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์มากกว่า)ผลการวิจัยพบว่า หนูกลุ่มที่ได้รับน้ำมะพร้าวเป็นเวลา 5 สัปดาห์ มีอาการของโรคอัลไซเมอร์น้อยกว่าหนูกลุ่มที่ไม่ได้รับน้ำมะพร้าวอ่อน ซึ่งผู้วิจัยจะพัฒนาน้ำมะพร้าวอ่อนเป็นอาหารเสริมและยาเพื่อชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ต่อไป นอกจากนี้ยังพบอีกว่าน้ำมะพร้าวอ่อนช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้นและไม่มีแผลเป็นด้วยซึ่งอาจมีการสกัดน้ำมะพร้าวอ่อนเป็นยาสมานแผลและเครื่องสำอางต่อไปในอนาคต

สมุนไพรช่วยย่อย!


น่ารู้! สมุนไพรช่วยย่อยอาหารวันนี้เรามีสมุนไพรช่วยย่อยอาหารมาฝากคนรักสุขภาพและชอบที่จะดูแลตัวเองค่ะ สำหรับ สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร นี้จะเหมาะอย่างมากกับคนที่มักจะมีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้องอยู่เป็นประจำ ซึ่ง สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร ที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้ช่วยคุณได้แถมยังไม่ต้องพึ่งยาเลยนะจ๊ะขอบอก ก็แหม๋อะไรที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรก็ยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยในการรักษาหรือทำให้อาการของคุณนั้นบรรเทาเบาบางลงไปได้อย่างมากเลยทีเดียวค่ะ นั้นอย่ารอช้าเลยดีกว่าเรามาดูสมุนไพรช่วยย่อยอาหารกันเลยค่ะว่าจะมีอะไรกันบ้างน๊า... 7 สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร

1. กระเทียมกระเทียมเป็นสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพหลายด้านเมื่อรับประทานเข้าไปสารในกระเทียมจะช่วยเพิ่มน้ำย่อยและน้ำดี ช่วยในการย่อยอาหารและยังแก้อาการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย มีของฝากพิเศษสำหรับคนที่มีอาการจุกเสียดแน่นเนื่องจากอาหารไม่ย่อยอยู่บ่อย ๆ ให้นำกระเทียมปอกเปลือกนำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบ ซอยให้ละเอียดรับประทานกับน้ำหลังมื้ออาหารอาการจะค่อย ๆ หายไป

2. หอมเล็กมีฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ไกลโคไซด์ (Glycosides) เพคติน (Pectin) และกลูโคคินิน (Glucokinin) ช่วยย่อยอาหารและทำให้เจริญอาหาร หอมเล็กสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิดโดยเฉพาะยำต่าง ๆ

3. พริกสดพริกทุกชนิดไม่ว่าจะเผ็ดมากเผ็ดน้อยก็ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายให้ออกมามากซึ่งเอนไซม์ในน้ำลายนี้จะช่วยย่อยสลายแป้งในปาก นอกจากนี้ยังพบว่าพริกขี้หนูรสเผ็ดร้อนช่วยย่อย ช่วยเจริญอาหาร และขับลมได้ดี พริกอยู่ในสำรับไทยหลากหลายเมนูแต่อย่าเผลอกินเผ็ดจนท้องไส้ปั่นป่วนนะคะ

4. ข่าข่ามีฤทธิ์ขับน้ำดีจึงช่วยย่อยอาหารเช่นกันวิธีที่ดีที่ทำให้เรากินข่าได้อร่อยเหมือนผักอื่น ๆ ก็คือ เวลานำข่ามาใส่อาหารให้หั่นข่าเป็นชิ้นเล็ก ๆ

5. ตะไคร้ตะไคร้มีสารช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยย่อย ถ้าจะให้กินตะไคร้สด ๆ ก็คงไม่น่าอร่อยเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นน้ำพริกตะไคร้หรือชาตะไคร้ก็อร่อยไม่เบา

6.ใบแมงลักใบแมงลักมีกลิ่นหอมเป็นลักษณะเฉพาะหอมโล่งจมูกและน้ำมันหอมระเหยหอม ๆ นี้เองที่มีฤทธิ์ในการช่วยย่อยอาหารคุยเรื่องใบแมงลักก็คิดถึงแกงเลียงทุกที

7. ใบกะเพรามีฤทธิ์ขับน้ำดีออกมาช่วยย่อยอาหารที่เรากินเข้าไปสมุนไพรทั้ง 7 ชนิด นี้ หากเลือกกินอย่างเหมาะสม ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการย่อยมากวนใจ ทางที่ดีปลูกไว้ในบ้านก็ได้เพราะปลูกง่ายทุกชนิด

เครื่องเทศสมุนไพร!


เครื่องเทศและสมุนไพร "สรรพคุณมากมาย"เครื่องเทศและสมุนไพรมีสรรพคุณเป็นยาที่ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย ถึงอยู่ที่แต่ละคนจะนำไปใช้กันค่ะ และไม่ใช่เพียงเท่านั้นใน เครื่องเทศและสมุนไพร นั้นยังจัดเป็นสิ่งที่ช่วยในการปรุงอาหารได้รสเยี่ยมอีกต่างหาก ฉะนั้นแล้วเมื่อเราจะปรุงอาหารทั้งทีก็อย่าลืมที่ลองนำ เครื่องเทศและสมุนไพร ไปใส่อาหารตอนปรุงรสดูกับเค้ากันบ้างนะจ๊ะ และวันนี้เรามี 9 เครื่องเทศและสมุนไพรไทย ที่มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็น ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันมะเร็ง และช่วยรักษาและเยี่ยวยาโรคต่าง ๆ ได้อีกค่ะ 9 เครื่องเทศและสมุนไพรไทย1. พริกแดงแห้ง สารประกอบแคปไซซินที่ทำให้เกิดความเผ็ดร้อนในพริกอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งผิวหนังและลำไส้ใหญ่ การศึกษายังพบด้วยว่ามันทำให้คนเรากินน้อยลง2. ลูกจันทน์ มีสารประกอบที่ช่วยต่อต้านแบคทีเรียและช่วยต่อสู้เชื้ออีโคไลและแซลโมเนลล่า (ที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือท้องร่วง)3. ยี่หร่า เป็นแอนตี้ออกซิแดนต์และสารต้านอาการอักเสบที่ทรงประสิทธิภาพที่อาจช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเนื้อร้ายได้4. ขมิ้น ประกอบด้วยสารที่เรียกว่าเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งอาจช่วยหยุดยั้งมะเร็งไม่ให้แพร่กระจายได้และช่วยป้องกันโรคเบาหวานประเภทที่ 2 5. อบเชย แค่กินวันละ 1/4-1/2 ช้อนชา สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรต์ได้ในคนที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 26. ขิง สามารถระงับอาการคลื่นไส้และอาจบรรเทาอาการจุกเสียดหน้าอก (จากโรคกรดไหลย้อน) และอาการบวมน้ำ7. เซจ (Sage) เครื่องเทศชนิดนี้ช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตและโดยทั่วไปช่วยลดความเสี่ยงของคุณในการเป็นโรคหัวใจได้8. สะระแหน่ อุดมด้วยวิตามินซีและเอ สามารถช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยและอาการระคายเคืองในระบบขับถ่าย9. กระเทียม ทำลายเซลล์มะเร็งและอาจขัดขวางการเผาผลาญพลังงานของเซลล์เนื้อร้าย คาเรน คอลลินส์ นักโภชนาการที่ปรึกษาของ American Institute for Cancer Research บอกเช่นนั้น และการศึกษาบ่งชี้ว่าการกินกระเทียมสองหัวต่อสัปดาห์ให้ประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งได้ โดยหลังจากสับกระเทียมแล้วให้ทิ้งไว้สัก 10-15 นาทีก่อนนำไปปรุงอาหาร เพื่อให้สารเคมีที่มีประโยชน์ซึมซาบออกมา